Tag Archives: ลูกผู้ชายตัวจริง

มือก่ายหน้า ขาไขว่ห้าง

น้ำใจคนเมืองหลวง

Number of View: 4265

การได้รับมาซึ่งน้ำใจจากคน แปลกหน้านั้นเป็นเรื่องที่เราอาจจะคาดเดาว่ามันเป็นไปได้ยาก นั่นก็อาจจะมีความจริงอยู่บ้าง โดยเฉพาะในหลายๆ เรื่องที่เราคาดหวังว่าจะได้รับจากคนไม่รู้จัก และสุดท้ายแล้วเราก็ไม่ได้รับ และเราก็จะบอกเขาว่า ช่างไม่มีน้ำใจ แต่เหตุการณ์ก็ไม่ได้เป็นไปในแบบนั้นทุกครั้งเสมอไป

ผมได้รับน้ำใจจากคนแปลก หน้าโดยไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะต้องทำให้เราถึงเพียงนั้น 2 ครั้งด้วยกันในระยะเวลาแม้จะไม่ติดกันแต่ก็เป็นเรื่องเดียวกันคือรถมีปัญหา

ครั้งแรกกลับบ้านดึก แล้วลืมเติมน้ำมันแล้วบ้านก็อยู่ชานเมืองปั๊มก็ไม่ค่อยมี แต่ก็บังเอิญไปหมดใกล้ร้านขายของชำก็เลยเดินเข้าถามเผื่อว่าเขาจะมีขาย น้ำมันขวด ปรากฎว่าไม่มีแต่เขาก็มีน้ำใจ บอกว่าจะเรียกคนขับมอเตอร์ไซด์ให้พาไปซื้อ ถึงแม้ว่ามันจะดึกแล้วก็ตาม ก็ปรากฎว่าเขาไปตามคนขับมอเตอร์ไซด์ที่ไม่ใช่วินมอเตอร์ไซด์อะไรหรอก ซึ่งเขาก็ได้เขานอนไปแล้ว
แต่เขาก็กุลีกุจอพาเราไปเพื่อจะไปหาซื้อน้ำมัน ตามปั๊ม

ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่ ฉอส ไม่ให้มีการซื้อขายน้ำมันถังหรือบรรจุขวดด้วย ไปปั๊มแรกเขาก็ให้เหตุผลแบบนุ่มนวลว่า ไม่มีถังใส่ ไปปั๊มสองก็ไม่มี ปั๊มสามก็ไม่มี จนไปปั๊มสุดท้ายระยะทางเกือบ 10 กิโลเมตรเห็นจะได้ ถึงได้น้ำมันกลับมาเติมรถ ซึ่งคนขับรถที่พาเราไปโดยที่เราไม่ต้องร้องขอว่า ต้องไปปั๊มอื่นนะ และดูแล้วเขาก็ทำด้วยความเต็มใจจริง

นั่นถือว่าเป็นน้ำใจจาก คนแปลกหน้าครั้งนึง ส่วนครั้งต่อมาก็เป็นเรื่องรถเหมือนกัน เป็นการที่ผมเข้าไปจอดรถในซองแล้วมีรถคันอื่นมาจอดต่อขวางหน้าแถมดึงเบรคมือ และใส่เกียร์ไว้เรียบร้อย ก่อนจอดผมก็ถามคนอยู่แถวนั้นนะว่าจอดได้หรือเปล่า เขาก็บอกว่าได้ เราก็ไว้ใจ

ตอนกลับมาหารถเวลาประมาณบ่ายสี่โมง แต่ก็จะไม่เดือดเนื้อร้อนใจเลยถ้าวันนั้นไม่ต้องไปงานแต่งงานเพื่อน เวลานั้นฝนก็ตกพร่ำๆ พอดี ช่างพอดีอะไรอย่างนั้น ไอ้เราก็เลยต้องวิ่งวน ไปวนมาถามคนแถวนั้น ตามตึกต่างๆ ว่าเป็นรถใครยังกับหมาถูกน้ำร้อน ผลสุดท้ายได้คำตอบว่าบริษัทแถวนี้เขาไปเช่าที่ตรงเราจอดเพื่อเป็นที่จอดรถ สำหรับบริษัทเขา วันนี้เขาไปสำนักงานแห่งใหม่กันจะกลับมาอีกทีก็ประมาณ 2-3 ทุ่ม ปกติเวลาประมาณนี้เขาก็ยังไม่กลับกันหรอก แต่วันนี้เขาปิดบริษัทไปกันหมดเลย

เราก็เลยต้องวิ่งวนอีกรอบว่ามีใครที่รู้จักคนใน บริษัทนี้หรือเปล่า เพื่อที่จะได้เบอร์โทรและตามเขามาถอยรถออกให้ แต่ก็ไม่มีใครรู้จัก

ผล สุดท้ายก็เลยไปถามวงเหล้าที่กำลังยืนดื่มข้างถนนแถวนั้น ก็มีน้องผู้ชายคนนึงนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวอาการเมานิดๆ เขาก็กระตือรือร้นออกวิ่งวนถามไถ่ว่าใครเป็นเจ้าของรถให้เราอีกรอบ ถามบ้านไหน ตึกไหนก็ไม่มีใครรู้จักอีก ก็เลยกลับมาตั้งหลักที่วงเหล้าอีก ก็มีพี่คนนึงเขาคิดมาว่าต้องเอาแม่แรงหรือจรเข้าสำหรับยกรถมายกรถที่ล้อหลัง แล้วให้คนหลายๆ คนช่วยกันเข็นออก เขาก็เลยสั่งให้แท็กซี่คันนึงซึ่งวิ่งผ่านมาและเขารู้จักให้ไปเอาจรเข้ที่ ร้านเขามา รอสักพักก็ได้กลับมา แล้วเขาก็สั่งให้คนที่นุงแต่ผ้าขนหนูผืนเดียวไปช่วยเกณฑ์คนให้มาช่วยเข็นให้

พอเอาจรเข้มาก็ใส่เขาไป ไม่ถูกวิธีและคลายแม่แรงกันไม่เป็นสักคน ก็เลยต้องไปตามช่างมาอีกกว่าจะเริ่มการเข็นรถได้ก็นานพอควร

แต่ก็ติดปัญหาที่พื้น ตรงนั้นมาไม่ใช่คอนกรีตเป็นเพียงหินกรวดเวลายกรถแล้วเข็นก็จะติดปัญหาเข็น ไม่ค่อยไปอีก

คน นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวก็เลยไปหาไม้กระดานสำหรับมารองแม่แรงก่อนจะให้เลื่อน ได้ง่ายๆ อีกครั้ง

ฝน ก็ยังคงตกพร่ำๆ และทุกคนต่างก็ตั้งหน้าตั้งตาและกุลีกุจอเต็มใจช่วยเหลือ แล้วก็เปรอะเปื้อนดินโคลนกันไปตามๆ กัน

การยกรถขึ้นด้วยแม้แรงแล้วเข็นต้องทำเป็น ระยะๆ เพราะพื้นกระดานไม่ค่อยยาว เข็นไปได้ประมาณไม่กี่เซ็นฯ ก็ต้องเอาแผ่นกระดานเดิมออกแล้วมาต่อใหม่เพื่อให้เลื่อนรถได้ง่ายขึ้น ซึ่งเข็นแต่ระรอบก็ไม่ใช่ง่ายๆ เพราะรถนั้นบรรทุกของอยู่ด้วยจึงมีน้ำหนักพอควร ต้องเข็นอยู่ประมาณ 5 รอบเห็นจะได้ �จึงจะพอมีช่องให้รถผมออกมาได้

พอเสร็จเรียบร้อยผมก็ เอาจรเข้ไปส่ง และไหว้ขอบคุณทุกๆ คนที่มีน้ำใจมาช่วยเหลือในครั้งนี้

และก็ให้สินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ให้กับเขา ซึ่งก็ไม่ได้เป็นการดูถูกว่าเขาทำไปด้วยการต้องการได้รับผลตอบแทน เพราะจากการปฏิบัติของเขาที่ผมได้เห็น มันไม่ได้เป็นการทำเพื่อให้ได้รับสิ่งตอบแทนแต่อย่างใดเลยจริงๆ

จากน้ำใจที่ได้รับจากคน แปลกหน้าทั้งสองครั้ง ผมพอจะมองเห็นอะไรบ้างอย่างได้ว่า การที่สังคมใดสังคมนึงที่อยู่กันแบบพึงพาอาศัยช่วยเหลือซึ่งกันและกันใน เมืองหลวงอย่างกรุงเทพก็ยังพอมีอยู่บ้าง หรืออาจจะยังมีอยู่อีกมากที่เราอาจจะไม่ได้ประสพพบเห็นด้วยตัวเราเอง

หรือแม้กระทั้งตัวผมเอง ก็เป็นเป็นคนแปลกหน้าไปช่วยเหลือคนอื่น โดยที่ไม่ได้รู้จักเขาเหมือนกัน ที่เขียนเรื่องไปก่อนหน้านี้นานแล้ว สองเรื่องคือ ลูกผู้ชายตัวจริง1 และ� ลูกผู้ชายตัวจริง2

และ ก็ยังมีอีกหลายต่อหลายครั้งที่ผมได้รับน้ำใจทั้งจากคนแปลกหน้า และไม่แปลกหน้า

จึง เชื่อแน่ได้ว่า ณ วันนี้ สังคมไทยเรายังคงมีน้ำใจให้กัน

มือก่ายหน้า ขาไขว่ห้าง

ลูกผู้ชายตัวจริง2

Number of View: 3581

คลิกที่นี่ เพื่ออ่าน ลูกผู้ชาจตัวจริง1

เมื่อประมาณ2ปีที่แล้วได้ร่วมกันสร้างวีระกรรมดีๆกับเพื่อนๆไว้
วันนั้นเป็นวันปกติที่เราทุกคนถ้าเหงา เบื่อ เซ็ง ไม่รู้จะทำอะไร
ก็จะชวนกันไปกินเหล้า ซึ่งก็เป็นร้านเดิมทุกๆวัน ร้านนี้มันก็
ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่ก็ไปกันได้เกือบทุกวัน

อยู่มาวันนั้น มันเป็นวันฝนตก ก็กินเหล้าสนุกสนาน ร้องเพลง
พูดคุย กันตามประสาปกติ แต่ฝนตกหนักมาก

ลืมบอกไปว่าร้านอยู่ในซอยมหาดไทย ซอยใหญ่พอสมควร
ร้านอยู่ติดถนนเลยมองออกไปข้างนอกก็เห็นรถวิ่ง ฝนตก

ฝนยิ่งมายิ่งตกหนักไม่มีท่าทีว่าจะหยุด นานพอสมควรฝนจึงค่อยๆซา
ลง หนักกินเหล้าไปมองออกไปนอกร้านเห็นมีรถคันนึงจอดเสียอยู่
หน้าร้านพอดีเลย เราก็คิดในใจสักพัก ก็คงมีคนมาช่วยเขาเองแหละ
หรือไม่เขาก็คงโทรเรียกใครให้มาช่วยแล้วแหละ

ขณะเป็นเวลาเกือบเทียงคืนเห็นจะได้ หรือถ้ายังไม่ถึงก็ไม่น่าจะเกิน
หนึ่งชั่วโมง กินเหล้าไปนั่งมองดูต่อ ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีใครมาช่วย
แถมน้ำก็ท่วมในซอยด้วยแล้ว รถคันอื่นก็ไม่เห็นว่าจะมีคันไหนสนใจ
แซงได้ก็แซง แซงไม่ได้ก็บีบแตร เออ เข้าท่าดี แซงไม่ได้ก็รอ
เพื่อที่จะแซง

มองเข้าไปดูในรถ ก็เห็นเป็นผู้ชายคนนึงอายุประมาณ 30 ปลายๆ
กับผู้หญิงเป็นคนแก่อีกคนหนึ่งอยู่ในรถ ถ้าเดาไม่ผิดก็คงเป็นแม่

เวลาค่อยๆผ่านไป ไอ้เราก็ไม่ได้ดูตลอดพอหันกลับมาดูอีก รถคันนี้ก็ยัง
ไม่ไปไหน เออ มันผิดท่าแล้วล่ะ ก็เลยพูดกับเพื่อน ว่าเราไปช่วยเขา
หน่อยเถอะ ตอนแรกเพื่อนก็ยังไม่แน่ใจประมาณว่า อย่าไปยุ่งอะไร
กับเขาเลย เดี๋ยวก็คงมีคนมาช่วยเองแหละ เราก็บอกไปว่ามันนานมากแล้ว
นะ เราก็เลยพูดกับเพื่อนว่าถ้าเราสร้างวีระกรรมในวันนี้นะ นายจะจดจำ
ไปอีกนานเลย รู้สึกจะมีเพื่อนอยู่คนนึงป่วยไม่สบายด้วย (แต่ก็ยังมากินเหล้าได้)

ก็เลยเกิดจิตวิทยามวลชนขึ้นมาเล็กๆ ประมาณว่า เออมึงเอากูก็เอาว่ะ
ในที่สุดก็เลย ตกลงจะไปช่วยกัน แถมก็ยังได้น้องๆ สงสัยจะเป็นนักเรียน
เทคนิคที่ไหนสักแห่งซึ่งนั่งอยู่โต๊ะข้างๆ รู้สึกว่าจะไม่ได้ชวนเขาหรอก
แต่เขาก็กรูกันมาเกือบทั้งโต๊ะเลย เข้าไปถามคนขับเขาก็บอกว่ารถมันเสีย
แต่โทรไปหาใครที่ไหนสักแห่งเนี่ยแหละ แต่ยังไม่เห็นมาเลย
ก็เลยบอกเขาว่าเดี่ยวพวกเราจะช่วยกันเข็นรถไปไว้เพื่อไม่ให้กีดขวางทาง
รถคันอื่นนะ

ก็พอดีมันมีโรงแรมมาดรูดอยู่ข้างหน้าไปอีกไม่กี่เมตร ก็เลยช่วยกันเข็นไป
น้ำก็ท่วมแต่ทุกคนก็ร่วมแรงร่วมใจกันอย่างดี พอถึงโรงแรมก็เลยพยายาม
เข็นรถอีกเพื่อที่จะให้รถมันติด แต่รถมันก็ไม่ยักติด ก็เลยถามเขาว่า
บ้านเขาอยู่ที่ไหน เขาก็เลยบอกว่าอยู่ใกล้ๆเนี่ยแหละ พวกเราก็เลยอาษา
ว่าเดี๋ยวเข็นไปส่งถึงบ้านเลยเพราะมันก็ไม่ได้ไกลเท่าไหร่ เขาก็เลยตกลง
ในที่สุดพลังมวลชนเล็กๆที่มีน้ำใจ ก็ช่วยกันเข็นรถคันนี้ไปถึงในหมู่บ้าน
แล้วก็เพิ่มความเร็วในการเข็นขึ้นอีก จนรถสามารถสตาร์ทติดได้

แล้วเจ้าของรถเขาก็เลยออกมาขอบอกขอบใจ เราซึ่งสีหน้าเขาก็ยังงงๆ
แล้วก็เหนื่อยๆยังไงด้วย ผมเป็นคนที่คุยอยู่กับเขาเป็นคนสุดท้าย เพราะ
เพื่อนๆและน้องๆที่มาช่วยกันเข็น ต่างพากันเดินกับร้านกันหมดแล้ว

เจ้าของรถหยิบเงินในกระเป๋าออกมาเป็นแบ็งค์ห้าร้อยหนึ่งใบยื่นออกมา
ให้กับผม ผมรีบปฏิเสธเป็นใหญ่ว่าไม่เอา ที่เราทำไม่ได้หวังอะไรตอบแทน
เลย เพื่อนๆน้องๆก็เหมือนกัน แต่เขาก็ยังไม่ลดความพยายาม จะให้เรา
รับกับเขาให้ได้ ผมก็เลยไปปฏิเสธพร้อมกับเดินกลับมา ตามเพื่อน

มองดูท่าทางคนขับรถเขายังงงๆ อยู่

แล้วพวกเราก็มากลับมากินเหล้ากันต่อด้วยความอิ่มเอมที่ได้สร้างวีระกรรมดีๆ
และได้ออกกำลังกายกลางดึก

มือก่ายหน้า ขาไขว่ห้าง

ลูกผู้ชายตัวจริง(1)

Number of View: 3277

เมื่อประมาณสองปีที่แล้วได้มีโอกาสไปผักผ่อนกับคนรักที่สวนลุมพินี แล้วสักพักก็เห็นครอบครัว
นึงมีพ่อแม่ แล้วก็ลูกอีกสองคน มาพักผ่อนเหมือนกัน มีว่าวมาเล่นด้วย เล่นไปเล่นมาว่าวก็ลอยไป
ติดบนต้นไม้ ติดสูงมากซะด้วย คนเป็นพ่อก็พยายามจะดึงเชือก ดึงมาดึงไปเชือกก็เลยทนแรงดึง
ระหว่างคนกับกิ่งไม้ไม่ได้ ก็เลยน้อยใจตัดสินใจ ทำตัวขาดเลย

คนเป็นพ่อก็คิดหาทางทำยังไงดีคิดไปคิดมา เห็นทีจะต้องปีน ซึ่งถ้าเป็นผมนะตัดใจไปนานแล้ว
เพราะว่าวนั้นอยู่สูงมาก แล้วต้นไม้ก็ต้นใหญ่สูงปีนลำบากแน่

คนเป็นพ่อก็เลยตัดสินใจได้ปีนใหญ่เลย ปีนแบบเหมือนคนไม่เคยปีนต้นไม้มาก่อนเลย
ดูขัดหูขัดตาผมยังไงพิกล เพราะถ้าคนปีนต้นไม้เป็นจะไม่มีลักษณะอย่างนี้ แต่เขาก็พยายามปีน
อยู่นั่นแหละ แถมนะ ถ้าคนปีนต้นไม้เป็นยังไงก็ต้องถอดรองเท้าก่อน แต่ตาคนนี้ไม่ถอดรองเท้า
ก่อนปีนเลย

คนที่มาพักผ่อนที่สวนลุมพินีในช่วงเย็นๆ ก็มองกันด้วยสายตาที่สงสารแกมรำคาญในใจ
อย่างผมเป็นต้น เพราะเขาปีนไม่เป็นแถมไม่ลดละความพยายามที่จะปีน ปีนไม่ได้ก็ลงมาเดินรอบๆ
ต้นๆไม้ เหมือนจะคิดหาทางอื่น แล้วก็ปีนอีก ก็ปีนไม่ได้เพราะต้นไม่มันใหญ่มาก แล้วก็ไม่มีกิ่งหรือ
ตา อะไรให้เหยียบหรือไต่ขึ้นไปได้เลย

ด้วยความรำคาญในตาและสงสารที่เขามีความพยายามมาก ผมก็เลยอดไม่ไหวที่จะเข้า
ไปช่วย (โชว์คนรักด้วย)

เข้าไปคุยกับเขาก่อน ก็เลยได้รู้ว่าเขาไม่ใช่คนไทย เขาเป็นคนฟิลิปปินส์ แถมพูดไทยไม่ได้
ด้วย ผมก็พูดประกิด ได้งูๆปลาๆ ก็เลยพอจะคุยกันได้บ้าง เขาบอกว่าว่าวตัวนี้เขาได้มาจากเมืองจีน
เหมือนจะเป็นของฝากหรือของกำนัลอะไรสักอย่างผมก็แปลไม่ออก มันก็เลยเหมือนจะมีคุณค่า
กับเขามาก

ผมก็เลยอาสาจะช่วย ก็วางท่าทางเหมือนจะเป็นคนเก่งแข็งแรงอะไรเลยนะ ถอดรองเท้า ถุงเท้า
เรียบร้อย ก็ปีนละครับ ปีนยังไงก็ไม่ขึ้น เพิ่งจะรู้ว่าตัวเราหนักก็วันนี้แหละ ไอ้การที่จะยกตัวเองนี่มัน
ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย

ก็เลยปรากฏว่าผมปีนไม่ได้เหมือนกัน ก็เลยมาคิดว่าจะทำยังไงดี เพื่อที่จะกู้การหน้าแตกของ
เราต่อหน้าประชาชีจำนวนมากคราวนี้ได้ยังไง ส่วนคุณพ่อเจ้าของว่าวก็ยังไม่ลดละความพยายามอีก
ก็ยังจะปีนต่ออีก ผมก็เลยคิดว่า ถึงเขาจะปีนขึ้นไปได้จริงๆ แต่ยังไงเขาก็ไม่มีทางไปถึงว่าวได้แน่นอน
เพราะกิ่งไม้มันเล็ก แล้วตัวเขาก็ใหญ่มาก มีหวังกิ่งไม้หักแล้วก็คงตกลงมาเจ็บสาหัสแน่นอนเลย

ผมก็เลยบอกว่าเดี๋ยวผมจะไปหากิ่งไม้มาให้และผลักดันให้เขาปีนขึ้นไปใหม่ให้ได้ หลังจากที่เขา
ไปเกาะเกี่ยวหรือเหยียบกิ่งไม้ด้านบนได้สักกิ่งแล้วผมจะส่งไม้ยาวตามไปให้เพื่อเขาจะได้ไปแทงว่าว
ให้ถึงได้โดยไม่ต้องปีนไปถึงกิ่งไม้

ผมก็ไปหากิ่งไม้ก็ปรากฏว่าเห็นกิ่งนึงมันโน้มลงมาซึ่งยาวพอสมควรน่าจะใช้ได้ก็ไปทำการหัก
โห หักยากอีกไม่เบาเลย แต่สุดท้ายก็หักได้ เพราะไม่งั้นคงได้หน้าแตกอีกแน่

หลังจากนั้นก็มาวางมือดันเท้าเขาขึ้นต้นไม้ต่อ เออลืมบอกไปว่าผมให้เขาถอดรองเท้าก่อน
ไม่งั้นไม่มีทางปีนขึ้นได้แน่นอน หลังจากนั้นก็พยายามดันเขาขึ้น ซึ่งด้วยความที่เขา
มีความพยายามสูงมากถึงแม้จะปีนต้นไม้ไม่เป็น แต่ในที่สุดเขาก็สามารถไปขว้ากิ่งไม้ด้านบนได้
และสามารถที่จะนำตัวโหนและปีนขึ้นไปเหยีบบบนกิ่งนั้นได้ ในที่สุดเขาก็สามารถไปยืนในที่มั่นคง
บนนั้นได้แล้ว ผมก็ทำการส่งกิ่งไม้ให้เขา แล้วเขาก็สามารถที่จะตี และแทงให้ว่าวนั้นตกลงมาได้
จนสำเร็จ

หลังจากนั้นผมก็หนักใจว่าเขาจะลงมาได้ยังไง แต่ก็ปรากฏว่าเขากระโดนลงมาแล้ว ซึ่งก็ปรากฏ
ว่าปลอดภัยไม่ได้รับอันตรายใดๆ แต่ความจริงแล้วการที่อยู่สูงขนาดนี้ไม่ควรกระโดดลงมาเป็นอย่าง

ยิ่งเพราะจะได้รับอันตรายง่ายๆ อาจจะโชคดีที่ดินบริเวณนั้นไม่แข็งและมีหญ้าขึ้นอยู่เต็มด้วย

หลังจากนั้นเขาก็เข้ามาจับมือและขอบคุณผมเป็นการใหญ่ และก็เดินจากไปพร้อมกับครอบครัว

ผมก็กลับมาล่างหน้าเช็ดตัวที่เปื้อนจากการปีนต้นไม้ไม่ขึ้น แถมได้รับบาดแผลถลอกเล็กด้วย
และก็ได้รับความปิติภูมิใจอยากมากที่สามารถช่วยเหลือเขาจนสำเร็จได้