คลิกที่นี่ เพื่ออ่าน ลูกผู้ชาจตัวจริง1
เมื่อประมาณ2ปีที่แล้วได้ร่วมกันสร้างวีระกรรมดีๆกับเพื่อนๆไว้
วันนั้นเป็นวันปกติที่เราทุกคนถ้าเหงา เบื่อ เซ็ง ไม่รู้จะทำอะไร
ก็จะชวนกันไปกินเหล้า ซึ่งก็เป็นร้านเดิมทุกๆวัน ร้านนี้มันก็
ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่ก็ไปกันได้เกือบทุกวัน
อยู่มาวันนั้น มันเป็นวันฝนตก ก็กินเหล้าสนุกสนาน ร้องเพลง
พูดคุย กันตามประสาปกติ แต่ฝนตกหนักมาก
ลืมบอกไปว่าร้านอยู่ในซอยมหาดไทย ซอยใหญ่พอสมควร
ร้านอยู่ติดถนนเลยมองออกไปข้างนอกก็เห็นรถวิ่ง ฝนตก
ฝนยิ่งมายิ่งตกหนักไม่มีท่าทีว่าจะหยุด นานพอสมควรฝนจึงค่อยๆซา
ลง หนักกินเหล้าไปมองออกไปนอกร้านเห็นมีรถคันนึงจอดเสียอยู่
หน้าร้านพอดีเลย เราก็คิดในใจสักพัก ก็คงมีคนมาช่วยเขาเองแหละ
หรือไม่เขาก็คงโทรเรียกใครให้มาช่วยแล้วแหละ
ขณะเป็นเวลาเกือบเทียงคืนเห็นจะได้ หรือถ้ายังไม่ถึงก็ไม่น่าจะเกิน
หนึ่งชั่วโมง กินเหล้าไปนั่งมองดูต่อ ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีใครมาช่วย
แถมน้ำก็ท่วมในซอยด้วยแล้ว รถคันอื่นก็ไม่เห็นว่าจะมีคันไหนสนใจ
แซงได้ก็แซง แซงไม่ได้ก็บีบแตร เออ เข้าท่าดี แซงไม่ได้ก็รอ
เพื่อที่จะแซง
มองเข้าไปดูในรถ ก็เห็นเป็นผู้ชายคนนึงอายุประมาณ 30 ปลายๆ
กับผู้หญิงเป็นคนแก่อีกคนหนึ่งอยู่ในรถ ถ้าเดาไม่ผิดก็คงเป็นแม่
เวลาค่อยๆผ่านไป ไอ้เราก็ไม่ได้ดูตลอดพอหันกลับมาดูอีก รถคันนี้ก็ยัง
ไม่ไปไหน เออ มันผิดท่าแล้วล่ะ ก็เลยพูดกับเพื่อน ว่าเราไปช่วยเขา
หน่อยเถอะ ตอนแรกเพื่อนก็ยังไม่แน่ใจประมาณว่า อย่าไปยุ่งอะไร
กับเขาเลย เดี๋ยวก็คงมีคนมาช่วยเองแหละ เราก็บอกไปว่ามันนานมากแล้ว
นะ เราก็เลยพูดกับเพื่อนว่าถ้าเราสร้างวีระกรรมในวันนี้นะ นายจะจดจำ
ไปอีกนานเลย รู้สึกจะมีเพื่อนอยู่คนนึงป่วยไม่สบายด้วย (แต่ก็ยังมากินเหล้าได้)
ก็เลยเกิดจิตวิทยามวลชนขึ้นมาเล็กๆ ประมาณว่า เออมึงเอากูก็เอาว่ะ
ในที่สุดก็เลย ตกลงจะไปช่วยกัน แถมก็ยังได้น้องๆ สงสัยจะเป็นนักเรียน
เทคนิคที่ไหนสักแห่งซึ่งนั่งอยู่โต๊ะข้างๆ รู้สึกว่าจะไม่ได้ชวนเขาหรอก
แต่เขาก็กรูกันมาเกือบทั้งโต๊ะเลย เข้าไปถามคนขับเขาก็บอกว่ารถมันเสีย
แต่โทรไปหาใครที่ไหนสักแห่งเนี่ยแหละ แต่ยังไม่เห็นมาเลย
ก็เลยบอกเขาว่าเดี่ยวพวกเราจะช่วยกันเข็นรถไปไว้เพื่อไม่ให้กีดขวางทาง
รถคันอื่นนะ
ก็พอดีมันมีโรงแรมมาดรูดอยู่ข้างหน้าไปอีกไม่กี่เมตร ก็เลยช่วยกันเข็นไป
น้ำก็ท่วมแต่ทุกคนก็ร่วมแรงร่วมใจกันอย่างดี พอถึงโรงแรมก็เลยพยายาม
เข็นรถอีกเพื่อที่จะให้รถมันติด แต่รถมันก็ไม่ยักติด ก็เลยถามเขาว่า
บ้านเขาอยู่ที่ไหน เขาก็เลยบอกว่าอยู่ใกล้ๆเนี่ยแหละ พวกเราก็เลยอาษา
ว่าเดี๋ยวเข็นไปส่งถึงบ้านเลยเพราะมันก็ไม่ได้ไกลเท่าไหร่ เขาก็เลยตกลง
ในที่สุดพลังมวลชนเล็กๆที่มีน้ำใจ ก็ช่วยกันเข็นรถคันนี้ไปถึงในหมู่บ้าน
แล้วก็เพิ่มความเร็วในการเข็นขึ้นอีก จนรถสามารถสตาร์ทติดได้
แล้วเจ้าของรถเขาก็เลยออกมาขอบอกขอบใจ เราซึ่งสีหน้าเขาก็ยังงงๆ
แล้วก็เหนื่อยๆยังไงด้วย ผมเป็นคนที่คุยอยู่กับเขาเป็นคนสุดท้าย เพราะ
เพื่อนๆและน้องๆที่มาช่วยกันเข็น ต่างพากันเดินกับร้านกันหมดแล้ว
เจ้าของรถหยิบเงินในกระเป๋าออกมาเป็นแบ็งค์ห้าร้อยหนึ่งใบยื่นออกมา
ให้กับผม ผมรีบปฏิเสธเป็นใหญ่ว่าไม่เอา ที่เราทำไม่ได้หวังอะไรตอบแทน
เลย เพื่อนๆน้องๆก็เหมือนกัน แต่เขาก็ยังไม่ลดความพยายาม จะให้เรา
รับกับเขาให้ได้ ผมก็เลยไปปฏิเสธพร้อมกับเดินกลับมา ตามเพื่อน
มองดูท่าทางคนขับรถเขายังงงๆ อยู่
แล้วพวกเราก็มากลับมากินเหล้ากันต่อด้วยความอิ่มเอมที่ได้สร้างวีระกรรมดีๆ
และได้ออกกำลังกายกลางดึก