อันเนื่องมาจากเหตุที่ไปงานแต่งเพื่อนที่ต่างจังหวัดร้อดเอ็ด
(อีกแล้วครับท่าน)
ตอนแรกว่าจะแวะกินข้าวเช้ากันแถวๆกรุงเทพฯ ด้วยความ
ที่ไม่ชำนาญทางก็เลยกลายเป็นว่าต้องขับรถเลนนอกจาก
วังน้อยจนถึงสระบุรี เพียงแค่มองหาร้านที่จะแวะกินข้าว
ในที่สุดก็แวะกินที่ร้านธรรมดาๆ อาหารตามสั่งที่ตัวเมือง
สระบุรี ลืมบอกไปว่าไปกัน 5 คน
ที่นี่เขาแปลกมาก ที่อาหารตามสั่งกลับมีมะนาวซีกให้ด้วย
คาดว่าคนแถวนี้เขาปลูกมะนาวกันเยอะ ก็เลยกินเปรี้ยวกัน
จนเป็นเรื่องปกติ
ที่ไปกันทั้งหมดนี้เพื่อนผมคนนึงชื่อโอเล่ คนนี้ชอบสัมตำมาก
เป็นชีวิตจิตใจ จนตอนนี้มีครกกับสากเป็นของตัวเองแล้ว
แกกินส้มตำได้ทุกเวลาทั้งเช้า กลางวัน เย็น แม้กระทั้ง
เวลาเมา
มื้อนี้ก็เหมือนกัน พอดีที่ร้านเขามีส้มตำขาย ก็เลยสั่งมา
แม่ค้ามีให้เลือกด้วยว่า จะเอาส้มตำปูม้า หรือปูนา เออ
ก็ดีไปอีกแบบ เพื่อนก็เลยสั่งปูนา รสชาดตามที่ชิมดูก็
ออกเปรี้ยวนิด ตามสไตล์ ถ้าเพิ่มปลาร้าเข้าไปรับลอง
อร่อยเหาะแน่เลย แต่เพื่อนผมคนนี้ไม่ชอบปลาร้า แต่ก็กินได้
ส่วนเพื่อนอีกคนก็พูดถึงปูนาว่า ถ้าได้แบบที่กำลังไต่ได้
ก็จะเยี่ยมเลย
เสร็จมื้อเช้าประมาณสิบโมงเช้า ดูท่าทางที่คิดกันไว้ว่าจะไปกิน
มื้อเที่ยงกันเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศของลำตะคอง เป็นอันต้อง
ยกเลิกไปแน่นอน เพราะอีกไม่ถึงสองชั่วโมงก็จะถึงลำตะคองแล้ว
ผ่านไปที่โคราชยังเห็นป้ายที่เขียนด่าสนธิยังติดอยู่ที่สะพานลอย
แต่ก็มีคนมายกป้ายขึ้นทำให้อ่านไม่ค่อยได้แล้ว
ก่อนที่จะไปถึงบ้านเพื่อนที่ร้อยเอ็ดต้องแวะบ้านผมเองก่อน
ที่อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น ไปถึงในหมู่บ้านยังไม่ถึงบ้านดี
ก็เห็นพ่อพราหมณ์ผู้อาวุโสของหมู่บ้านกำลังเดินกางร่มมา
เพราะแดดกำลังร้อน ถ้ารถไม่เต็มคงได้รับแก่ขึ้นไปด้วย
ที่แกเดินมาก็เดาได้ไม่ยากเลย ว่าแกจะมาทำพิธีเสดาะห์เคราะห์
ให้ผมแน่เลย เพราะเกือบทุกครั้งที่ผมกลับบ้านแม่จะทำให้ตลอด
แถมวันนี้บอกแม่ว่าจะถึงบ้านประมาณบ่ายโมง บ่ายสอง
แล้วจะไปบ้านเพื่อนต่อ แก่ยังเตรียมเครื่องบวงสรวงต่างๆไว้
เพื่อทำพิธีให้ ซึ่งมันเป็นความเชื่อของแม่แก แล้วก็คนแถวนี้
แต่ผมกับพ่อไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์เลย แต่ก็เข้าทำพิธี
เพื่อให้แม่แกสบายใจ รวมทั้งเป็นการช่วยสืบสานวัฒนธรรม
ของคนอีสานไว้
พอถึงปั๊บก็เป็นดังที่คาดเดาไว้ พ่อพรามณ์ก็เดินมาถึงใกล้ๆกับ
ที่เรามาถึงพอดี พี่สาวก็กำลังทำกับข้าวใกล้เสร็จแล้ว ซักพัก
ก็กินข้าวกันก่อนแล้วค่อยทำพิธีต่อเลย
มื้อนี้ก็เช่นกันที่ไม่ค่อยจะขาดสำหรับอาหารของคนอีสานคือสัมตำ
พี่สาวไม่ได้ทำเองแต่ไปซื้อมาจากร้านที่อยู่ในหมู่บ้าน
ซื้อมายี่สิบบาท แต่ได้เยอะยังกับ ห้าสิบบาทถ้าซื้อในกรุงเทพฯ
ปรากฏว่าถูกใจเพื่อนผมคนที่ชอบส้มตำมากแต่ผมว่ารสชาดก็
ธรรมดาๆ เสร็จแล้วก็เข้าทำพิธีเสดาะห์เคราะห์ ทุกคนที่มาด้วยกัน
รวมทั้งพี่สาวด้วย
หลังจากเสร็จพิธีก็เลยลาพ่อลาแม่ ลาพี่สาวเพื่อเดินทางต่อ
ไปยังร้อดเอ็ด ถึงร้อยเอ็ดประมาณเกือบห้าโมงเย็นตามที่คาดไว้
เย็นนั้นเพื่อนที่เป็นเจ้าภาพพาไปกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารประจำหมู่
บ้านก่อน ชื่อร้านสบายดี
แปลก มื้อนี้ไม่มีส้มตำ แต่มีเหล้าสกอตอย่างดีกินข้าวกินเหล้ากัน
เกือบหมดกลม ก็เลยย้ายไปยังบ้านเพื่อน ซึ่งน้องผู้ช่วยได้ไป
ทำต้มไก่ไว้รอแล้ว
ปูเสื่อที่หลังบ้านเพื่อน มีตะเกียงเจ้าพายุแบบแก๊สให้แสงสว่าง
ไม่ใช่ว่าบ้านเพื่อนไม่มีไฟฟ้าหรอก แต่ว่าน้องผู้ช่วย ซึ่งก็เป็น
รุ่นน้องผมเนี่ยแหละ เพื่อนให้มาช่วยเตรียมงานแต่ง เป็นคนที่
ชอบเดินทางท่องเที่ยวก็เลยมีตะเกียงเจ้าพายุแบบนี้
กินต้มไก่อร่อยมาก รู้สึกว่าเหล้าสกอตกลมแรกจะหมดไปแล้ว
กลมต่อมากินไปได้สักพัก โซดาหมด ก็เลยต้องกินแบบเพียวๆ
ซึ่งไม่ได้กินแบบนี้นานแล้ว สักพักเพื่อนคนที่ชอบส้มตำ
ก็เลยไปโชว์ฝีมือส้มตำคนเมา สักพักก็ได้ส้มตำมา รู้สึกจะ
เค็มไปนิดนึงแต่ก็อร่อย ผมก็เริ่มเมาแล้วเห็นมียอดกระถินอยู่
ข้างวงเหล้าก็เด็ดมากินเลยอร่อยดีเหมือนกัน
กินไปคุยกันไปส่วนมากก็จะเป็นเรื่องราวเก่าๆ เรื่องเผาคนนั้น
เผาคนนี้ ดึกหน่อยก็ได้เห็นดาวเต็มท้องฟ้า มีดาวทุกรู้จักเดิมๆ เช่น
ดาวนายพราน
สุดท้ายทั้งดึกทั้งเมาก็เลยอาบน้ำเข้านอน