ค่านิยมผิดๆ

Number of View: 2461

เมื่อเช้าได้ฟังข่าวว่ามีผลสรุปการวิจัยถึงพฤติกรรมทางเพศของชาวโลก
รวมทั้งประเทศไทยด้วย ในรายงานนั้นก็จะมีเรื่องของสถิติต่างๆ เช่น
พฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ กับกี่คน อายุเริ่มมีตั้งแต่เท่าไหร่
แล้วก็อีกหลายๆประเด็น โดยผู้ผลิตถุงยางอนามัยยี่ห้อนึง ซึ่งรายการ
แนวนี้นั้นในช่วงหลังก็จะเห็นออกมาแทบทุกปี

ถ้าไม่คิดอะไรมาก รายงานวิจัยชิ้นนี้ก็จะเป็นเหมือนรายงานการวิจัยของ
กลุ่มนักวิชาการทั่วไป หรือ เหมือนมันจะเป็นรายงายวิชาการที่น่าเชื่อถือ
เอาทีเดียว แต่ถ้าวิเคราะห์กันจริงๆแล้ว มันก็คือการตลาดเพื่อส่งเสริม
การบริโภคในสิ้นค้านั้นๆให้เพิ่มขึ้นนั่นเอง

คุณเชื่อหรือไม่ว่ามันมีผลทางจิตวิทยาต่อคนที่ได้พบได้อ่านข่าว
ผลการวิจัยนี้แค่ไหนคุณลองนึกดูนะว่า ผลการวิจัยนี้พยายามชักชวน
หรือพยายามสื่อให้เห็นว่าการที่คนมีพฤติกรรมหลับนอนกับคนอื่นๆ
โดยไม่ซ้ำหน้าเป็นสิบๆราย มีกันทั่วโลกแล้วเสมือนว่ามันเป็นเรื่อง
ปกติที่ไหนเขาก็ทำกัน รวมทั้งประเทศไทยด้วย

นอกจากนี้ยังสื่อให้เห็นว่าคนนั้นนิยมการมีเพศสัมพันธ์กันครั้งแรกในวัน
แห่งความรัก หรือวันลอยกระทง และวันสำคัญอีกหลายๆ วัน ซึ่งเป็นการ
พยายามสื่อและชักจูงให้เห็นว่า การกระทำอย่างนั้นเป็นเรื่องปกติ คนนิยม
ทำกัน แล้วก็มีผลให้ผู้ที่มองเห็นจุดอ่อนของเด็กผู้หญิง ก็สามารถไปเอาเปรียบ
กับเด็กผู้หญิงตรงนี้ได้มากเลยทีเดียว

หลังจากนั้นบริษัทผู้ผลิตถุงยางอนามัยก็จะมียอดขายเพิ่มขึ้นจาก
การส่งเสริมตรงนี้และมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องผิดกฏหมายประการใด
ที่ทำการตลาดแบบนี้

เพราะธุรกิจหลายๆประเภทก็ทำการในการที่จะพยายามส่งเสริมให้
คนบริโภคสินค้าของตนเพิ่มขึ้น เช่นบริษัทกาแฟ ก็พยายามมีผล
วิจัยต่างๆว่า กาแฟ ดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ แล้วในบางครั้งก็จะมีกลุ่ม
ที่ต่อต้านการดื่มกาแฟ มาบอกว่า มีผลการวิจัยว่ากาแฟไม่ดีอย่าง
นั้นไม่ดีอย่างนี้เหมือนกัน

หรืออย่างในกรณีที่โอวันติน ที่พยายามให้เด็กหันมาดื่มวันละ
สองแก้วเช้าเย็นเพื่อที่ว่ายอดการขายจะสามารถเพิ่มได้สองเท่า

หรือในกรณีที่โฆษณายาสีฟัน พยายามแสดงภาพให้เห็นว่า
เวลาบีบยาสีฟันใส่แปรงนั้นให้บีบเต็มทั้งขนแปรง ซึ่งในความ
เป็นจริงแล้ว คนเราไม่จำเป็นต้องบีบยามากมายขนาด
นั้นเลย ที่เขาทำเช่นนั้นก็เพื่อที่ว่า จำให้ยาสีฟันของเรา
หมดเร็วขึ้น แล้วบริษัทผู้ผลิตก็จะมียอดขายต่อปีเพิ่มขึ้น

จากที่การตลาดของแต่ละสินค้าที่กล่าวมาทั้งหมดมีจุด
ประสงค์ไม่ต่างกันนั่นก็คือต้องการยอดขายที่เพิ่มขึ้น
แต่สินค้าที่เป็นถุงยางนั้นมันมีความละเอียดอ่อน
ในการที่จะส่งเสริมให้สังคมนั้นมีเพศสัมพันธ์เพิ่มขึ้น
เพราะถ้าเด็กอายุสิบหกปีคิดว่าใครๆก็มีเพศสัมพันธ์กัน
ตอนอายุเท่านี้ กันทุกคน คุณว่าประเทศของเรา
จะเป็นอย่างไร แล้วถ้าใครไม่ได้ทำแบบวิจัยก็จะกลาย
เป็นคนหลงยุคไป

ถ้าเด็กผู้หญิงทุกคนคิดว่าจะมอบความรักให้กับคนที่ตัวเอง
รักในวันแห่งความรักหรือวันลอยกระทงเป็นเรื่องปกติที่ใคร
ก็ทำกัน ประเทศของเราจะเป็นอย่างไร

สื่อหลายๆสื่อในบ้านเรากลายเป็นเครื่องมือชิ้นดีในการทำ
การตลาดและส่งเสริมการขายให้กับสิ้นค้านั้นๆอย่างไม่รู้ตัว
โดยคิดว่ามันเป็นผลงานวิจัยที่ทันสมัย

แต่หารู้ไม่ว่าคุณได้กลายเป็นคนที่สร้างค่านิยมผิดๆให้กับสังคม
และประเทศชาติโดยไม่รู้ตัวไปแล้ว

สสส. ควรจะมองปัญหาตรงนี้ และควรจะมีวิจัยตอบโต้บ้างเพื่อชี้ให้เห็นว่า
การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่พร้อมนั้น สร้างปัญหาอะไรตามมา ,การที่คนมีเพศสัมพันธ์
ไม่เลือกหน้านั้นประสพกับความล้มเหลวในชีวิตคู่อย่างไร หรือรัฐบาล
จะรับมือกับปัญหานี้เองเลย ก็ยิ่งดีเป็นการดีใหญ่

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published.

Time limit is exhausted. Please reload CAPTCHA.