นานๆจะได้ดูละคร “แดจังกึม” ที่กำลังคลั่งกันทั้งประเทศ
คนสร้างเขาทำได้เยี่ยมจริงๆ ต้องยอมรับ จากเรื่องราวที่
อยู่ในครัวสามารถนำมาสร้างให้ยิ่งใหญ่ได้
จริงๆแล้วเรื่องราวในอดีตจริง หรือ ถ้าเป็นไปได้บ้าง
คือจริงบ้างไม่จริงบ้าง อาจจะไม่ได้อลังการบานตะไท
เป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้หรอก ที่ว่าผู้หญิงคนนึงจะเก่ง
โคตรในเรื่องการบ้านการครัวขนาดนั้น ต้องชื่นชม
คนที่แต่งเรื่องนี้ รวมทั้งคนเขียนบทด้วย
หนังไม่ได้มีแง่ดีเฉพาะที่สร้างวัฒนธรรมเกาหลีให้เป็นที่รู้จัก
หรือส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสำหรับเกาหลีเท่านั้น
แต่หนังยังช่วยปลูกค่านิยมดีๆ ให้กับเด็กหรือแม้กระทั้งผู้ใหญ่
ที่ได้ดู
เท่าที่ผมได้ดูก็พอจะมองเห็นแง่ดีคือ ตัวละครเอกของเรื่อง
จะเป็นคนช่างสังเกตหรือมีนิสัยเป็นนักวิทยาศาสตร์
เหมือนไอสไตน์นั่นแหละ ถ้าเด็กๆได้ดูแล้วทำตามก็จะเป็น
เรื่องที่ดีมาก
อีกเรื่องนึงที่หนังสอนก็คือ ให้เห็นประโยชน์ของการรักการอ่าน
ว่าการอ่านนั้นสามารถสร้างความรู้ แล้วทำให้มีความสามารถ
สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ใครๆก็ทำได้
ถ้าเด็กและเยาวชนไทยได้ดูหนังแดจังกึมแล้วเอาแบบอย่าง ในเรื่องของ
การรักการอ่าน บ้านเมืองเราคงเป็นสังคมที่น่าอยู่ไม่น้อย
เห็นฉากที่คู่แข่งนางเอกให้สายลับไปแอบดูว่านางเอกอ่านหนังสือ
แล้ว มันเป็นบรรยากาศแบบการแข่งขันการอ่าน หรือแข่งขันกันเรียน
แล้วก็ทำให้นึกถึงบรรยากาศตอนเด็กๆ ที่เคยแข่งกันเรียนหนังสือ
กับเพื่อนๆตอนม.ต้น พอพักเที่ยงแล้วต้องรีบไปอ่านหนังสือใต้ต้นไม้
(ที่โรงเรียนเป็นป่าช้าจีนเก่า) ที่มีต้นไม้เต็มโรงเรียนเลย
เห็นนางเอกขมักเขม่นอ่านหนังสือตำราต่างๆก็ทำให้นึกถึงบรรยากาศ
ตอนเด็กๆที่ผมไปซุกตัวหาอ่านหนังสือที่ตู้เก็บหนังสือเก่าของที่บ้าน
นึกถึงบรรยากาศที่ไปแอบขโมยหนังสือห้องสมุดอ่านตอนปิดเทอม
นึกถึงบรรยากาศที่ที่บ้านนอกไม่มีห้องสมุดต้องไปรอหนังสือพิมพ์
ที่บ้านผู้ใหญ่ทุกเช้าช่วงปิดเทอม
นึกถึงบรรยากาศที่ต้องขับมอไซต์มายืมหนังสือที่ห้องสมุดประชาชน
ในตัวอำเภอ
นึกถึงบรรยากาศห้องหนังสือนิยายที่มหาวิทยาลัย ที่ที่นั้งเต็มจนคนต้อง
ไปนั่งอ่าน นอนอ่านอยู่บนพื้น
จากที่นึกมาได้ทั้งหมดยังจับไม่ได้ว่าเป็นคนรักการอ่านตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่คงเป็นเพราะพ่อกับแม่ปลูกฝังน่ะแหละ