ช่วงดึกของทุกวันและโดยเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น
ร้านนี้จะเต็ม ไปด้วยผู้คนที่มาจากไหนก็ไม่รู้ ทั้งที่เวลาช่วง ห้าทุ่มถึงตี
หนึ่งมันเป็นเวลาที่ผู้คนทั่วไปเขาเข้านอนกันหมดแล้ว
แต่ไม่ใช่สำหรับซอยนี้ เพราะซอยนี้มีอะไรที่ไม่เหมือนเช้าบ้านเขา คือ
ผู้คนที่มาพักอาศัยอยู่ในซอยนี้เกินกว่า 90 % เป็นนักศึกษาและคนทำงาน
ที่มาเช่าห้องสำหรับเป็นที่พำนัก
นักศึกษาโดยส่วนใหญ่แล้วก็จะนอนดึกกันเพราะต้องอยู่อ่านหนังสือ
หรือมีกิจกรรมหลายๆอย่างที่ต้องทำกัน เพราะ ในช่วงวัยนี้ถือได้ว่า
เป็นช่วงวัยที่มีความสุขที่สุดของชีวิตก็ว่าได้ กิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
สังสรรค์เฮฮา เล่นไพ่ ดูทีวี เล่นเกม และอื่นๆอีกมากมาย
จะว่าไปแล้วซอยนี้น่าจะเรียกได้ว่าเป็นซอยที่ไม่ยอมหลับเสียมากกว่า
เพราะ มันไม่หลับจริงๆ นั้นคือ ภายในซอยยังไม่มีอะไรที่เคลื่อนไหว
แล้วไฟก็สว่างๆไสว ผู้คนก็ยังเดินไปไหนมาไหน อยู่จนถึงเช้า
วันนั้นมีเหตุจำเป็นที่ทำให้ผมต้องเข้าไปร้านเซเว่น หลังจากที่ดื่ม
กับเพื่อนจนเมาแล้วพอสมควร จำไม่ได้ว่าต้องไปซื้อน้ำแข็งหรือเหล้า
เพิ่ม
การที่เมานั้นทำให้เราสามารถพูดอะไรออกมาได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องคิด
อะไรมากมายก่อนที่จะพูด วันนั้นก็เช่นกัน
ร้านเซเว่นร้านนี้จะมีอาแป๊ะอยู่คนนึง คิดว่าเขาน่าจะเป็นเจ้าของร้าน
หรือพ่อของเจ้าของร้านอะไรประมาณนั้น มาคอยเฝ้าดูความเรียบร้อย
ภายในร้าน หรือพูดให้ถูกจริงๆ ก็คือยามนั่นแหละ ทั้งๆที่ร้านนี้ไม่มีความ
จำเป็นที่ต้องมียามมาคอยดูแลเลย เพราะก็ไม่เคยเห็นว่าร้านเซเว่นที่ไหน
จะมียามมาคอยดูแล เพราะทุกร้านเขาก็จะมีกล้องวงจรปิดอยู่แล้ว
ผมจึงมองว่าอาแป๊ะคนนี้ขี้งกหรือกลัวคนจะมาคอยขโมยของจน
เกินเหตุ ก็เลยทำให้หมั่นไส้เขามานานแล้วล่ะ เหตุอีกอย่างอาจจะเป็นเพราะ
เขาเป็นคนพูดห้วน ไม่ค่อยรักษาน้ำใจใครด้วย
แล้ววันที่ผมเข้าไปในสภาพที่เมาแบบนั้นก็เลยมีเรื่องให้ผมต้องโต้
คารมกับเขานิดหน่อย เพราะวันนั้นเขาไปว่าลูกค้าในร้านเซเว่น ที่เข้ามา
ซื้อของทั้งๆที่เป็นลูกค้าของเขาเอง เขากลับไปด่าลูกค้า
เขาไปว่าลูกค้าที่มายืนอ่านหนังสือหรือหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในร้านนั่นแหละ
บอกว่า “ถ้าไม่คิดจะซื้อก็อย่ามายืนอ่านในร้าน ให้หนังสือเขาเสื่อมสภาพ”
ทำเอาลูกค้าที่ยืนอ่านหนังสืออยู่หน้าจ๋อยไปเลย
ส่วนตัวผมเป็นโกรธเป็นแค้นแทนคนเหล่านั้น ก็เลยไปพูดกับอาแป๊ะ
ว่า “ถ้าไม่อยากให้อ่านแล้ว เอามาไว้ในร้านทำไม” ซึ่งมันคงเป็นแค่คำพูดของคนเมา
หรือประมาณว่าขี้แพ้ชวนตี ที่ไม่ได้หวังผลในคำพูดอะไรมากมายหรอก
อาแป๊ะแกก็คงอยากว่าผมเหมือนกัน แต่ก็คงคิดว่าไอ้นี่มันเมา
อย่าไปถือสามันเลย
แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเลวร้ายเกิดขึ้น แต่ผมก็ยังดูไม่ชอบหน้าอาแป๊ะ
คนนี้อยู่ดี เพราะเข้ามาในร้านที่ไรก็ต้องเจอแก เฝ้าเวรในตอนดึกอยู่ทุกครั้งไป
หลังจากนั้นนานพอสมควร เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ขณะที่ผมกำลังไป
ยืนรอซื้อขนมจีนน้ำเงี้ยวภายในซอย ก็มองไปเห็นว่า อาแป๊ะคนนั้นกำลัง
ซื้อขนมจีนน้ำยาเขียวหวานอยู่ก่อน แต่มีสิ่งในตัวแกที่ทำไห้ผมประทับใจ
อย่างที่ไม่เคยประทับใจแกมาก่อนนอกจากว่าหลานสาวแก่น่ารักแล้ว
นั้นคือแกเอาภาชนะของแกเอง ไปใส่ขนมจีน มันทำให้ผมคิดไปว่า
แกก็มีสิ่งที่ดีๆ คือมีความห่วงใยในสิ่งแวดล้อมของโลก แทนที่แกจะซื้อเป็นถุง
แล้วไปใส่ภาชนะก็ได้ แต่นั่นมันเป็นการสร้างขยะให้กับโลก ซึ่งมันเป็นสิ่ง
ที่ผมต่อต้าน
เพราะทุกครั้งที่ซื้อของในร้านสะดวกซื้อที่ไหนก็แล้วแต่ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
ผมก็จะไม่ยอมให้คนขายใส่ถุงให้ ซึ่งมันเป็นการเพิ่มขยะให้กับโลก
โดยไม่จำเป็น
แต่สำหรับอาแป๊ะนั้นแกทำมากกว่าผมเสียอีก ถ้าโลกเรามีคนอย่างอาแป๊ะ
หลายๆ คน คิดว่าโลกของเราคงจะไม่เจอกับปัญหาขยะล้นโลกแน่นอน
แล้วทุกวันนี้ความรู้สึกที่ไม่ดีกับอาแป๊ะคนนั้นก็หายไปแล้วล่ะ
จากคุณ : Lithium Carbonate – [ 29 มิ.ย. 46 14:39:07 ]