การเกิดดับของชุมชน

Number of View: 2613

ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดแล้วก็อยู่ในชนบทที่เรียกได้ว่าทุรกันดารพอสมควร
ตอนเด็กๆอายุกี่ขวบจำไม่ได้แล้วพ่อกับแม่เล่าเรื่องราวในอดีตให้ฟังว่า
เมื่อก่อนนี้หมู่บ้านที่เราอยู่นี้ เคยมีหมู่บ้านที่อยู่ในระแวกเดียวกันนี้
อีกประมาณ 2 หมู่บ้าน แล้วก็ยังมีชุมชนที่เป็นชุมชนเก่าๆแก่เกือบสมัยขอม
เลยก็ว่าได้อยู่ใกล้ๆ แต่ตอนนี้ไม่มีเหลือแล้ว

ผมฟังพ่อกับแม่เล่าให้ฟังด้วยความระทึกในจิตใจ เพราะสมัยนั้นยังไม่รู้จัก
ทีวี ไม่มีรายการดิสคัพเวอรี่ให้ดูเหมือนเด็กๆในสมัยนี้

หมู่บ้านที่ว่าเคยมีนั้นเมื่อก่อนก็เป็นเหมือนหมู่บ้านชนบทธรรมดาเนี่ยแหละ
มีบ้านคนอยู่อาศัยติดๆกันหลายหลังคาเรือน มีรั้วรอบขอบชิด มีการเลี้ยง
หมู่เลี้ยงไก่ ปลูกผัก ปลูกผลไม้ อายุของหมู่บ้านก็ประมาณไม่น่าจะเกิน
ร้อยปีถ้าถึงปัจจุบัน

ตอนนี้หมู่บ้านเหล่านั้นได้ล้มสลายไปแล้วเหตุอันเนื่องมาจากว่าเกิดโรคระบาด
สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นโรคอหิวาตกโรค หรือไม่ก็ก็เป็นโรคติดต่ออะไรสักอย่าง

นึกถึงสภาพของความเป็นอยู่สมัยก่อนแล้วก็พอจะเดาได้ว่า การที่อยู่ในชนบท
ที่ไม่มีหมอ ไม่มีความรู้เรื่องสุขอนามัย รวมทั้งการคมนาคมที่ไม่สะดวก
แล้วชีวิตผู้คนที่อยู่กับความเชื่อเรื่องผีสางเทวดา ซึ่งพอจะเป็นที่พึ่งพาได้
เวลาที่ถูกคุกคามจากโรคร้าย แต่ถูกตีความว่าเป็นการกระทำของผี

เมื่อเกิดโรคระบาดจากบ้านหลังนึง ก็ค่อยๆขยายไปสู่หลังต่อๆไป ด้วยพาหะ
ชั้นดีทั้งจากแหล่งน้ำดื่มกิน และแมลงและสัตว์ต่างๆ ผู้คนทะยอยเสียชีวิต
ที่ละคนสองคน พอเอาไม่อยู่แล้ว ไม่ว่าจะพึ่งหมอผีหรือพึ่งอะไร ก็ต้องถอยหนี
โดยการอพยพโยกย้ายบ้านเรือนไปสู่ที่ใหม่ จนกลายสภาพเป็นหมู่บ้านร้างไป

ตามสภาพที่ผมไปสำรวจมาเองตอนที่ยังเป็นเด็กโตขึ้นมาหน่อย ก็เห็นสภาพ
ที่เป็นหมู่บ้านเหลืออยู่บ้าง หมู่บ้านเก่านั้นจะเป็นเนินสูงแล้วก็ค่อยๆลาดต่ำลงไป
เป็นที่นา และก็มีลำห้วยสายยาวอยู่ใกล้ๆ ซึ่งที่ดินส่วนมากก็กลายสภาพเป็นสวนเป็นที่น่า
ไปเกือบหมดแล้ว ยังปรากฎให้เห็นช้อน เป็นกระเบื้องแตก มีให้เห็นเศษข้าวของ
เครื่องใช้ต่างๆอยู่บ้าง แต่ถ้าไปดูสภาพตอนนี้ก็ไม่แน่ใจว่าจะเหลือล่องลอยอีกหรือเปล่า

การอพยพหนีไปนั้นก็เป็นการไปตั้งเป็นหมู่บ้านใหม่ใกล้ๆกับหมู่บ้านร้างเดิมนั่นแหละ
ห่างกันประมาณแค่หนึ่งกิโลเมตรเอง แล้วก็เป็นหมู่บ้านมาจนถึงปัจจุบัน

ส่วนชุมชนสมัยขอมที่อยู่ใกล้ๆหมู่บ้านเราที่น่าจะมีอายุเก่ากว่ามาก ถ้าให้เดาอายุก็ไม่รู้
ว่าจะเป็นสมัยเดียวกับปราสาทหินพิมายหรือเปล่า เพราะที่ใกล้ๆกันนั้นก็ปรากฎว่าเป็น
ชุมชนขอมโบราณเหมือนกัน แต่ที่นี่นั้นคาดว่าน่าจะเป็นชุมชนบ้านของ
ชาวบ้านธรรมดาเพราะซากของหมู่บ้านที่พบเจอจะเป็นซากเครื่องใช้ที่เป็นดิน
เผาหม้อข้าว ไห ถ้วยต่างๆที่แตกเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ปรากฎว่ามีปราสาทสิ่งก่อสร้างอะไร
จะมีก็แต่หินศิลาแลง ที่คาดว่าจะนำมาทำเป็น โบสถ์หรืออะไรซักอย่าง ซึ่งในระแวก
นี้ก็ไม่มีที่ไหนในรัศมีหลายสิบกิโลเมตร ที่สามารถหาหินศิลาแลงที่เป็นก้อนใหญ่
แบบที่ปรากฎให้เห็นได้ คาดว่าน่าจะเกิดจากการที่มีศรัทธาอันแรงกล้าต่อลัทธิความ
เชื่อซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นพุทธ แล้วก็ไปนำหินก้อนใหญ่ๆมาทำศาสนสถานเคารพบูชา
ใกล้ๆกับสถานที่ที่พบศิลาแลงนั้น ก็จะปรากฎเป็นสระน้ำโบราณที่ตื้นเขินไปนานแล้ว

สระนั้นเป็นที่เชื่อได้แน่นอนว่าเกิดจากการขุดของคนในชุมชนโบราณนั้น เพื่อเป็นแหล่งน้ำ
ดื่มน้ำใช้

ตอนนี้หมู่บ้านโบราณนี้ก็ได้เสื่อมสลายไปแล้วเหมือนกัน ซึ่งอาจจะเกิดจากความแห้งแล้ง
หรือจากโรคระบาดเหมือนหมู่บ้านที่กล่าวถึงไปแล้วตอนต้นเหมือนกัน แล้วสภาพของหมู่
บ้านโบราณนี้ก็ได้กลายสภาพไปเป็นป่าช้าของหมู่บ้านที่เกิดมาภายหลังไปโดยมีต้นไม้น้อยใหญ่เกิดขึ้นเต็มไปหมด
ทำให้เป็นป่าที่รกดูน่ากลัว โดยมีชื่อเรียกขานกันว่า “โนนสาแล้ง” ตามภาษาอีสาน หรือ “โนนสระแล้ง”
ตามภาษาไทย ตามสภาพของสระที่อยู่ในป่าที่ตื้นเขินและแห้งแล้ง

ในสมัยที่ผมเป็นเด็กเล็กๆนั้น ผมจะได้ตามพ่อเข้าไปในป่าช้าโนนสระแล้งเป็นประจำ
เพื่อที่จะไปดักนก แล้วไปช่วยพ่อไล่นก ให้มาติดกับดัก จึงทำให้ผมเป็นเด็กที่ไม่กลัว
ป่าช้านี้เหมือนเด็กคนอื่นๆในหมู่บ้านเลย

และในปัจจุบันก็ได้มีการพัฒนาป่าช้าให้เป็นแหล่งป่าชุมชนของหมู่บ้านไปเรียบร้อยแล้ว
ทำให้ความน่ากลัวลดลงไปเหมือนกัน

สภาพการเกิดและเสื่อมสลายไปของชุมชนสมัยก่อนนั้นขึ้นอยู่กับชีวิตและความเป็นอยู่
จริงๆ การเกิดของแต่ละหมู่บ้านในละแวกนี้นั้น ที่สร้างเป็นหมู่บ้านเพราะมีลำห้วย
ธรรมชาติอยู่ใกล้ 3 ลำห้วย ไหลไปทางทิศตะวันออกคู่ขนานกัน ทั้งสามลำห้วย
ความยาวเกือบ สามสิบกิโลเมตร คือลำห้วยสีดอ , ลำห้วยหิน,และลำห้วยอีฝ้าย

การสร้างชุนชนนั้นเกิดการจากการเลือกทำเลที่เป็นเนินสูงซึ่งก็เป็นคู่ขนาน
กับลำห้วยทั้งสามซึ่งเป็นที่ลุ่ม ทำให้มีการทำมาหากินที่สะดวกทั้งเพื่อการเกษตร
การประมง และการดื่มกิน

ถ้าให้รวมจำนวนหมู่บ้านที่เกิดจากลำห้วยทั้งสามในปัจจุบันนี้ก็ก็นับได้ไม่ต่ำกว่า 50 หมู่บ้าน
เห็นจะได้ ซึ่งก็คงเกิดจากการโยกย้ายของคนในชุมชนโบราณซึ่งมีไม่กี่ที่ในแถวนี้นั่นแหละ
แต่ก็คงมีมาจากชุมชนโบราณจากที่อื่นๆปะปนกันไปบ้าง

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published.

Time limit is exhausted. Please reload CAPTCHA.