ช่วงชีวิตตอนเด็กๆรู้สึกว่าจะเป็นช่วงชีวิตที่มีความสุขมาก
ที่สุด ถ้ามองถึงในแง่ที่ว่าเราไม่ต้องมาเป็นทุกข์เป็นร้อนว่าจะอยู่
อย่างไร จะกินอย่างไร จะทำงานอะไร หรือจะเรียนอะไร เพราะ
ทุกอย่างมีคนทำให้หมด มีคนคิดแทนหมด
ตอนเป็นเด็กก็เอาแต่เล่นสนุกสนานไปตามเรื่องตามราว
ผมนั้นจะเป็นคนที่มีปัญหากับการเล่นอยู่อย่างนึงคือเวลา
ว่างในการจะไปเล่นนั้นมาก จนหาเพื่อนที่จะไปเล่นด้วยนั้นยาก
เพราะลูกชาวบ้านคนอื่นเขาไม่ค่อยจะว่างอย่างผม บ้างครั้งต้องไป
กับเด็กเลี้ยงควายที่เขาไปเลี้ยงควายตามทุ่งนา ยังจำสภาพที่แดดมัน
ร้อนเปรี้ยงๆกลางทุ่งนาได้เลย หิวน้ำก็หิว
ปัญหาในการเล่นอีกอย่างก็คือ อย่าให้แม่รู้เป็นอันขาดว่า
ไปแอบเล่นน้ำที่ไหน ถ้าแม่รู้ แม่ผมจะตามไปเฆี้ยนให้ดู เพราะแม่
กลัวจมน้ำ มีอยู่ครั้งนึงกำลังเล่นน้ำกับเพื่อนๆ ในสระกลางทุ่งนา
อย่างสนุกสนาน ไม่คาดคิดว่าแม่จะตามมาเจอ พอเห็นแม่แค่นั้นก็
รีบจับเสื้อผ้า วิ่งเตลิดเปิดเปิงไปตามทุ่งนา ทั้งๆที่ไม่รู้หรอกว่าจะวิ่ง
ไปแห่งหนตำบลไหนรู้เพียงอย่างเดียวว่าต้องวิ่ง เพราะภาพที่เห็นแม่
ในตอนนั้นก็คือแม่ถือไม่เรียวมาด้วย ผมก็วิ่ง วิ่งจนสุดชีวิตเลย ขอให้
พ้นแม่ก่อนเป็นดี ถึงแม้จะล้มตอนนั้นก็คงจะลุกขึ้นมาวิ่งต่อ ไม่
แม้แต่จะหันมามองดูว่าแม่วิ่งตามมาหรือเปล่า จำได้ว่าวิ่งมาเกือบ
ประมาณ กิโลกว่าๆ ซึ่งก็เป็นระยะทางที่ไกลพอสมควรสำหรับเด็ก
เล็กๆอย่างเราในตอนนั้น รู้สึกเหนื่อยมากแต่ก็ยังไม่รู้จะไปไหน
พอดีมองเห็นข้างหน้ามีพุ่มไม้ อยู่พุ่มนึงใต้โคนต้นไม้ ลักษณะพอที่
จะเข้าไปหลบภัยคุ้มหัวได้บ้าง ก็รีบมุดเข้าไปในพุ่มไม้นั้นเลย
ไม่กล้วแม้แต่งู ต่อแตน หรือผีสางที่คิดว่าน่าจะมีอยู่ในนั้น ซึ่งถ้าเป็น
เด็กธรรมดาทั่วไป ผมว่ายังไงก็ไม่กล้ามุดเข้าไปในนั้นเป็นแน่แท้
โชคดียังเป็นของผมอยู่บ้างที่พุ่มไม้นั้นน่าอยู่ ผมก็นั่งหยองๆ
ทำตัวเงียบเชียบอยู่กล่างพุ่มไม้ ซึ่งมีลักษณะมีต้นไม้เล็กๆ และต้นไม้
ขนาดกลางล้อมรอบกับต้นไม้ใหญ่อีกต้นนึงตรงกลางจะเป็นดิน
แห้งๆ มีหญ้าขึ้นอยู่หรอมแหรม ลักษณะน่าอยู่มาก ถ้าหากว่าแม่
มองไม่เห็นว่าผมวิ่งมาทางนี้แล้วหลบเข้ามาอยู่ตรงนี้แม่ต้องไม่รู้
แน่นอนว่าผมอยู่ในพุ่มไม้นั้น ผมก็พยายามทำตัวเงียบที่สุดเท่าที่
จะทำได้ คือไม่ขยับเขยือนตัวอยู่ตั้งนาน ในระหว่างนั้นก็ทำการ
สำรวจพุ่มไม้นั้นไปด้วย พร้อมกับมีน้ำที่เปียกผ้าหยดลงจากตัวเรื่อยๆ
ผมได้เจอต้นไม้ประหลาดที่ผมไม่เคยมีโอกาสได้เจอแน่นอน
ถ้าไม่หลงเข้ามาในพุ่มไม้นี้แน่นอน ซึ่งเป็นเรื่องตื่นเต้นมากสำหรับ
ผมในตอนนั้น เป็นไม้เลื้อย มีลักษณะของใบและลำต้นคล้ายๆกับ
ต้นกล้วยไม้ ในใจก็คิดไปว่าถ้าหากเราได้ออกจากตรงนี้ไปแล้ว
วันหลังเราต้องกลับมาเอาไปปลูกที่บ้านให้ได้
พอนั่งไปได้สักพักก็คิดกลัวขึ้นมาบ้างว่า ที่ตรงนี้มันจะมีงู
หรือมีสัตว์หรือแมลงมีพิษอยู่บ้างไหม แต่ดูๆแล้วก็ไม่น่าจะมี
เพราะลักษณะของพุ่มไม้นี้เป็นมิตรกับเรามาก ถึงแม้จะกลัวก็ต้องทน
อยู่ต่อไป เพราะภาพที่มองเห็นแม่ถือไม้เรียวในมือ มันน่ากลัวมาก
ในใจก็นั่งคิดอะไรต่อไปเรื่อยเปื่อยพันแปด จนกระทั้งตัวที่เปียกน้ำ
นั้นได้แห้งไปเรียบร้อยแล้ว
นั่งชั่งใจอีกสักพัก คิดว่าแม่คงหาเราไม่เจอแล้วก็คงกลับไป
แล้ว ก็เลยตัดสินใจออกมาจากพุ่มไม้นั้น
เมื่อผมโตมาได้สักหน่อยจึงได้รู้ว่าที่ตรงผมไปแอบหลบแม่
อยู่นั้นมันเป็นที่สำหรับนายพรานมาสุ่มยิงนกในหน้าที่ต้นไม้ใหญ่
มันมีลูกสุกแล้วก็มีนกมากินมากมาย มันจึงมีลักษณะที่หน้าอยู่มาก
เพราะการที่คนที่สุ่มจะทำตัวให้อยู่ในที่แคบๆได้นั้นนานๆนั้น
ก็จึงต้องมีการปรับสภาพแวดล้อมให้น่าอยู่พอสมควร
แต่ในช่วงที่ผมไปหลบอยู่นั้นเป็นหน้าที่ต้นไม้นั้นไม่มีลูกสุก
แล้วก็ไม่มีนกเยอะแยะ สภาพที่ตรงนั้นก็เลยดูไม่ออกว่ามันเป็นที่ที่
นานมาแล้ว มีคนมาอยู่ที่ตรงนี้เงียบๆเหมือนกัน
หลายต่อหลายครั้งผ่านมาผมก็ยังแอบแม่ไปเล่นน้ำอยู่เป็น
ประจำ จากที่ว่ายน้ำไม่เป็น ก็ไปฝึกว่ายจนพอเป็นบ้าง
มีอยู่ช่วงนึงจำได้ว่า มีความมั่นใจในการว่ายน้ำ ถึงกับสามารถ
ว่ายไล่จับกับเพื่อนๆ ข้ามคลองลึกๆก็ได้
แต่ก่อนที่จะว่ายเป็นนั้น ก็เกือบจะไม่มีชีวิตรอดกลับมาแล้ว
เหมือนกัน เพราะเกิดไปจมน้ำตอนที่กำลังจมนั้นผมคิดว่าผมคงไม่
รอดแน่ๆแล้ว เพราะเพื่อนๆกำลังเล่นไล่จับกันอย่างสนุกสนาน
ส่วนผมเล่นอยู่อีกด้านนึงของเพื่อนๆ ในขณะผมกำลังตะกุยตะกาย
เอามือตีน้ำอย่างสะเปะสะปะเพื่อจะให้มีชีวิตรอด ขอให้เอาจมูกมาพ้น
น้ำเป็นครั้งสุดท้าย คิดว่าเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ ที่ผมไม่สามารถ
ที่จะเอาชนะแรงโน้มถ้วงของโลก ได้ในขณะนั้น ผมทำอยู่คนเดียว
คนอื่นๆ เล่นกันอย่างสนุกสนาน คิดว่าตัวเองไม่รอดแน่ๆแล้ว
ยังนับว่าผมมีบุญมีเพื่อนที่ไปเล่นด้วยกันเห็นผมกำลังจะจม
ลงแล้ว ก็เลยมีรุ่นพี่อีกคนนึงรีบมาดึงตัวช่วยไว้ได้ การเล่นไล่จับ
อย่างสนุกสนานของวันนั้นก็เลยต้องจบลง
หลังจากวันที่ผมจมน้ำได้ไม่กี่วัน ก็มีข่าวว่ามีเด็กในหมู่บ้าน
เดียวกันกับผมเนี่ยแหละ ไปจมน้ำตาย ที่เดียวกันกับที่ผมไปจม
นั้นแหละ แล้วสักพักก็มีข่าวลือต่างๆว่า พญานาคที่อยู่ในหนองน้ำนั้น
ต้องการคนไปเป็นลูก อีกหลายคน ซึ่งก็หมายความว่าจะต้องมีคนไป
สังเวยที่แห่งนั้นอีก
แล้วผมก็ได้คิดไป ว่าคนที่จะไปเป็นลูกพญานาคนั้น ถ้าไม่ใช่
เด็กคนนั้น ก็ต้องเป็นผมสิ ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องมาเกิดกับชีวิตเรา
ด้วย ตอนเด็กๆผมก็คิดในใจ ตอนนั้นรู้สึกว่าผมเพิ่งจะเรียนอยู่ ป.1
ยอมรับว่าตัวเองคิดมาก มากเลย กลัวว่าวันไหนพญานาคจะมาเรียก
เราไปอยู่ด้วยอีก หลังจากที่เรียกและดึงตัวเราไม่สำเร็จมาครั้งนึงแล้ว
หลังจากนั้นผมก็ไม้กล้าไปแถวหนองน้ำนั้นอีกนานเลย แล้วก่อน
นอนของทุกคืนผมก็จะมีอาการผว่า คิดเห็นแต่ภาพที่ตัวเองกำลังจม
น้ำในทุกวัน แล้วก็คิดถึงภาพคนที่จมน้ำตาย ในสถานที่เดียวกัน
แล้วก็คิดไปว่า ถ้าไม่ใช่เขา ก็ต้องเป็นผมสิ ทำไมต้องเป็นเขา
ทำไมผมถึงมีชีวิตรอดกลับมาได้ แล้วเขาจะมาเอาชีวิตผมไปอีกไหม
ผมผว่าก่อนนอนทุกคืน คิดมากทุกวัน เรื่องที่ผมจมน้ำในวัน
นั้นแม่หรือคนในครอบครัวผมยังไม่มีใครรู้เลย เพราะผมบอก
กับเพื่อนทุกคนว่าห้ามไปบอกแม่เป็นอันขาด
ผมไม่กล้าเล่าให้ใครฟังว่าผมคิดมากเรื่องนี้ทุกวัน เพราะกลัว
ว่าแม่จะรู้ว่าเราไปแอบเล่นน้ำ ทุกค่ำคืน ก่อนนอน ก็จะคิดถึงภาพ
ตัวเองกำลังจมน้ำ แล้วก็คิดถึงภาพของเด็กอีกคนที่จมน้ำเสียชีวิต
เป็นอยู่อย่างนึ้ทุกคืน เป็นเวลานานพอสมควร
มาถึงทุกวันนี้ผมเป็นคนไม่เชื่อเรื่องพญานาคหรือเรื่องผีต่างๆ
แล้ว ถึงใครจะว่าลบหลู่ก็ช่าง ทุกวันนี้ผมก็ยังจำไม่ได้ว่า แม่เคยตีผม
สักครั้งหรือเปล่า
มีเรื่องที่แปลกแล้วก็ยังไม่เข้าใจอยู่อีกเรื่องนึงเกี่ยวกับหนองน้ำ
แห่งนั้นแหละ คือว่าหนองน้ำนี้จะเป็นหนองน้ำประจำหมู่บ้าน
แล้วก็จะมีดอนปู่ตาอยู่ใกล้ๆ วันนั้นเที่ยงวันผมมีเหตุให้ไปนั่งอยู่
ใกล้ๆ ดอนปู่ตาคนเดียว เพราะเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องผีสางเทวดา
สักพักก็ได้ยินเสียงกร๊อบแกร๊บอยู่ด้านหลัง ผมนั่งในลักษณะยองๆ
ผมก็เลยหันหลังไปดูว่าเป็นเสียงอะไร สิ่งที่ไม่อยากเชื่อกับสายตา
ได้ปรากฎอยู่ตรงหน้าผมแล้ว เป็นงูตัวใหญ่มาก กำลังแผ่แม่เบี้ยชูคอ
ประจันหน้ากับหน้าผมเลย ในเสี้ยววินาทีนั้นผมยังจำได้ว่างู มันแผ่
แม่เบี้ยพร้อมกับส่ายคอโง้นเง้น เหมือนกำลังจะงาบหัวผม เสี้ยววินาที
ต่อมา จำได้ว่าผมตกใจมาก ถึงกับผง่ะมาด้านหลัง งูมันก็ตกใจ
เหมือนกัน มันก็ผง่ะไปด้านหลัง แล้วก็เลื้อยหายไปเลย
ทิ้งให้ผมตกใจ ไม่เข้าใจ ไม่อยากเชื่อกับสายตา แล้วก็อกสั่น
ขวัญแขวนอยู่คนเดียว
แล้วก็มานั่งทบทวนต่อว่า ถ้าผมไม่หันหน้าไปฟังเสียงที่ดัง
กร๊อบแกร๊บๆ แล้วก็ตกใจ หัวผมจะมีสภาพเป็นอย่างไร
ผมคิดว่าผมคงเป็นผีที่ตายอย่างแปลกประหลาดแล้วก็ให้ได้โจษขาน
กันไปอีกนานแน่เลย เกือบจะได้เป็นลูกพญานาคในครั้งที่สอง
จากคุณ : Lithium Carbonate – [ 23 ก.พ. 46 09:10:54 ]