หลายคนกำลังเข้าใจว่าประเทศไทยกำลังแบ่งออกเป็น 3 ฝ่าย คือ สีเหลือง สีแดง และไม่มีสี
แท้ที่จริงแล้วกลับใช่แค่นั้น
มันอาจจะเริ่มแค่จากคุณทักษิณไปเหยียบตาปลาของคุณสนธิโดยการไปปิดทาง
รายการเมืองไทยรายสัปดาห์โดยผ่านคุณมิ่งขวัญ จนแล้้วจนรอด ก็เลยมาถึงตรงนี้
ที่ขั้วหลักๆของการเข้ากันไม่ได้ก็ยังมีอยู่ 2 ฝ่าย แต่ปัญหามันกลับสลับซับซ้อนมากกว่านั้น
เพราะ มันมีแนวร่วมของแต่ละฝ่าย ที่อาจจะมีแนวความคิดเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน
มาจับกลุ่มและรวมตัวกันเข้า
สถานะการณ์ยิ่งลุ่มลึกลงไปอีกเมื่อกลุ่มสีเหลืองสามารถรวมกันเป็นเครือข่ายพันธมิตรฯ
และมีการจัดการที่เป็นระบบระเบียบ เหนี่ยวแน่นยิ่งกว่า กลุ่มก๊กของพรรคการเมืองที่เป็นสีแดง
ความได้เปรียบของกลุ่มสีเหลือง มาจากการที่ผู้นำกลุ่มแต่ละคนที่เป็นเหมือนสาวกอยู่แล้ว
และมีผู้เลื่อมใสหรือมีผู้ให้ความนับถือและหลงไหลของตัวของผู้นำแต่ละคนเองจำนวนมากอยู่แล้ว
หลังจากที่หัวหน้ากลุ่มสีแดงเพลี้ยงพล้ำไปเหยียบเท้าตัวเองล้ม จากหลายๆ ประเด็น
ที่ทำให้กลุ่มเหลืองสามารถนำมาโจมตีได้ โดยเฉพาะกรณี “ขายกลุ่มชินให้เทมาเส็ก”
โดยมีการแก้ไขกฎหมายก่อนด้วย
กลุ่มเหลืองสามารถสร้างมวลชนเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆ รวมทั้ง กลุ่มคนที่ได้ผลประโยชน์จากการ
กระทำของกลุ่มเหลือง สาระพัดกลุ่ม แล้วค่อยๆกระโดนมาร่วมแจมกลับกลุ่มเหลือง
จนถูกประทับตราว่าเป็นคนกลุ่มเหลืองทั้งหมด ซึ่งจริงๆ อาจจะใช่หรือความคิดตรงกัน
แค่นิดเดียว
จนแม้ภายหลังก็เกิดกรณีที่อดีตคนกลุ่มเหลืองหลายคน แยกตัวออกมาเองและโดนขับไล่
จากคนกลุ่มเหลือง แสดงให้เห็นถึงความชัดเจนที่กลุ่มนี้ ก็ไม่ได้มีความคิดเห็นตรงกัน
ทังหมดทีเดียว
กลุ่มแดงก็ไม่ต่างกัน ถ้าจะอธิบายกลุ่มแดงให้ชัดเจน ก็ต้องกล่าวถึง การแยกตัว และรวมตัวกัน
ของพรรคการเมืองต่างๆ ในประเทศไทย ตั้งแต่สามัคคีธรรม, นำไทย, ความหวังใหม่,
ที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นพรรคเฉพาะกิจของประเทศไทยในสมัยต่างๆ จนถึงไทยรักไทย
ที่กลายเป็นตำนานอภิมาดูด ที่สามารถรวมพรรคต่างๆ และ ส.ส. จากพรรคต่างๆมาไว้ใน
พรรคเดียวได้มากที่สุด เท่าที่ประวัติการเมืองไทยเคยมีมา
แต่ถ้าให้พูดถึงอุดมการณ์ หรือแนวคิดของ ส.ส. เหล่านี้ก็ต้องบอกว่ายังมีความแตกแยก
แตกต่างกันอยู่เหมือนเดิม ที่เห็นภาพชัดเจนก็คือ การที่ย้ังมีวังมีมุ้ง ของกลุ่มต่างๆอยู่
แต่กลุ่มที่โดดเด่นและทำคะแนนได้มากในตอนนี้คงต้องยกให้กลุ่ม นปช. เพราะกล้าคิด
และกล้าทำ ไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น จนกลายมาเป็นเหมือนตัวแทนผู้นำสีแดงที่แท้จริงซึ่งก็คือ
ทักษิณ
กลุ่มคนการเมืองสีแดงที่สามารถรวมตัวกันได้ในเวลานี้ ก็เพื่อรอวันกลับมาของอำนาจกลุ่มตัวเองที่แท้จริง
ซึ่งพวกเขายังมีความหวัง ว่ามันจะกลับมาเหมือนเดิมได้ตราบใดที่พวกเขายังมีหัวหน้ากลุ่มที่ชื่อทักษิณ
หัวหน้ากลุ่ม กับกลุ่มการเมืองสีแดง มีอุดมการณ์ไปในแนวเดียวกัน คือรอการได้อำนาจคืนมา
เพื่อสามารถจะทำอะไรก็ได้ ที่พวกเขาคิดว่า พวกเขาจะทำ และควรได้ทำ และโดยเฉพาะ
จุดหมายปลายทางของหัวหน้ากลุ่มก็คือ การได้อำนาจกลับมา และการชำระล้างตัวเอง
จากการสาดโคลนสิ่งไม่ดีให้จากกลุ่มอื่น
แล้วก็ยังมีกลุ่มการเมืองสีแดง และกลุ่มที่ทำงานการเมืองสีแดง ที่กำลังเกาะกระแส
เพื่อช่วยหัวหน้าสีแดง โดยแท้จริงความสำเร็จของหัวหน้าที่ได้อำนาจคืนมานั้นเป็นเรื่องรองของพวกเขา
แต่ภารกิจของกลุ่มทำงานการเมืองสีแดงมีเป้าหมายมากกว่านั้น
ถ้าให้มองถึงความเป็นไปได้ที่ กลุ่มคนสีเหลืองจะยอมให้หัวหน้ากลุ่มสีแดง หรือตัวแทน
หัวหน้ากลุ่มสีแดงกลับมามีอำนาจ เพื่อควบคุมกฎนั้น คงเป็นไปได้ยากมาก
เพราะทั้งจากความที่การรวมตัวกันของคนกลุ่มเหลืองนั้นเหนี่ยวแน่น และมีหลายฝ่ายหลาย
กลุ่มที่มีแนวคิดใกล้เคียงกันแล้ว เป็นไปได้ยาก ที่จะให้คนกลุ่มพวกนี้ยอม
ถามง่ายๆ คุณว่าคนอย่าง จำลอง อย่าง สนธิ หรืออย่าง สมศักดิ์ จะยอมอะไรได้ง่ายๆ ไหม่
คำตอบคือ ไม่มีทาง
แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าให้คนอย่างทักษิณยอมเสียสละ เพื่อประเทศชาติคือยอม
มอบตัว ยอมไม่ใฝ่หาอำนาจ ยอมไม่เอาทรัพย์สินที่ถูกยึดคืน ถามว่าเป็นไปได้ไหม
คำตอบก็คือ เป็นไปไม่ได้ หรืือเป็นไปได้ยากเช่นกัน แต่…
แต่ถ้าคนอย่างคุณทักษิณยอมอย่างที่ว่ามาจะเกิดอะไรขึ้น
คุณเชื่อหรือไม่ว่าคนเกือบทั้งประเทศจะยกย่องทักษิณเป็นวีระบุรุษ
คุณเชื่อหรือไม่ว่าทักษิณจะได้กลับมามีอำนาจและเป็นรัฐบุรุษได้
คุณเชื่อหรือไม่ว่าทักษิณบอกว่ายอมแล้ว กลุ่ม นปช ่และกลุ่มการเมืองอื่นๆ จะยอมตาม
ยกเว้นกลุ่มที่ทำงานการเมืองกับสีแดง ที่เห็นว่าภาระกิจเรื่องของทักษิณเป็นเรื่องรอง
แต่ถ้ากลุ่มเหลืองก็ไม่ยอม และหัวหน้ากลุ่มสีแดง ก็ไม่ยอม ไม่อยากจะเดาเลยว่า
ประเทศมันจะเสียหายไปขนาดไหน