สร้างพระเป็น ๆ

Number of View: 3509

เคยคิดมานานมากแล้วว่า การที่ประเทศไทยจะเจริญเติบโตก้าวหน้าไปได้ดี
ทั้งในด้านวัตถุและจิตใจนั้น จำเป็นที่จะต้องเกิดจากการที่ประชาชนในชาติ
มีการศึกษาและมีคุณธรรม

ซึ่งมันก็อาจจะเหมือนกับหลายๆ คนที่เคยคิดเช่นนั้น

แต่ผมมองเห็นว่าแนวทางที่จะเป็นไปได้ทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์นั้นคงเป็นไปได้ยาก
เพราะประชาชนคนไทยที่อยู่ในชนบทยังหากไกลการศึกษา ทั้งๆ ที่ วัตถุนิยมนั้น
กลับไม่ได้ไกลเช่นกันเลย

วัตถุนิยมนั้นเข้าถึงประชาชนชั้นรากหญ้า และแม้แต่ชนชั้นกลางและชี้นสูงของไทย
ได้ง่ายมาก เพียงเพราะแค่ที่ไหนมีทีวี ที่นั่นวัตถุนิยมก็ไปถึงได้

ส่วนการศึกษาหรือการปลูกฝั่งการคิดในแง่ดี ให้คนคิดเป็น ใช้ชีวิตเป็นนั้น
เป็นสิ่งที่ทำได้ยากยิ่ง แม้กระทั่งสังคมในเมืองที่อยู่ใกล้การศึกษา


พอจะมองเห็นหนทางได้ทางนึงนั้นคือ ชุมชนไหน หรือ ณ ที่แห่งไหน
ที่มีพระที่สอนให้คนคิดเป็น ทำดี ไม่หลงไหลในวัตถุนิยม ไสยศาสน์
เครื่องลางของขลัง ที่แห่งนั้น ชุมชนแห่งนั้นก็พอจะดีขึ้นมาได้

ตัวอย่างที่เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนก็คือ ศิษย์ สานุศิษย์ของท่านพุทธทาสภิกขุ
ที่ได้มีโอกาสไปอยู่สวนโมกข์ ได้รับความคิด คำสั่งสอนจากที่นั่นมา
และก็ได้มีโอกาสไป เผยแพร่ความคิด แนวคิดไปยังสถานที่ต่างๆที่ไปอยู่
ซึ่งจริงๆ ก็คือคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นล่ะ

แล้วก็ไปทำการสั่งสอนประชาชนให้คิดในแนวทางที่เป็นพุทธภาวะจริงๆ
ไม่ใช่พุทธแค่เปลือก หรือพุทธแค่พิธีกรรม

ตัวอย่างวัดเช่น วัตชลประทานฯ วัดสวนแก้ว ซึ่งก็ถือว่ามีจำนวนน้อยมาก
ซึ่งถ้าประเทศไทย มีวัดที่มีเจ้าอาวาสหรือมีผู้ำนำทางความคิดเช่นนี้
เต็มไปหมดในประเทศไทย เชื่อได้ว่า คงมีทางเป็นไปได้ที่ประเทศไทย
จะสามารถจะเจริญเติบโตไปทั้งในทางวัตถุ และจิตใจไปได้พร้อมกัน

แต่จะทำเช่นไรที่จะทำให้เจ้าอาวาส ของวัดในประเทศไทย สามารถ
คิดและเป็นเช่นนั้นได้ เคยคิดว่า ต้องมีการทำเป็นระบบคือ นำพระเจ้าอาวาส
หรือพระที่มีแนวโน้มว่าจะได้เป็นเจ้าอาวาส ของวัดต่างๆ มาทำการศึกษาอบรม
อย่างเป็นระบบ โดยจะไม่เป็นการบังคับ แต่จะโดยอาศัยการเลื่อมไสใน
แนวทางจริงๆ แล้วจึงเข้ามารับการอบรม

นั่นก็เป็นแค่แนวความคิดทางนึงที่เคยคิด ไม่คิดว่าจะมีคนที่คิดเหมือนเรา
หรือท่านอาจจะคิดมานานแล้วเหมือนกัน และได้ทำเป็นรูปเป็นร่าง
นั่นก็คือ ท่าน ว.วชิรเมธี ที่ท่านได้ไปถนุบำรุงโรงเรียนพระปริยัติธรรมที่บ้าน
เกิดของท่าน โดยมีความคิดว่า

“เราสร้างพระอิฐพระปูนกันมามากแล้ว
บัดนี้ น่าจะถึงเวลามาช่วยกันสร้างพระเป็น ๆ ที่สามารถ เทศน์ได้
สอนดี มีปฏิปทาน่านับถือ ให้ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของ
พุทธศาสนาและสังคมไทยสืบไป”

อันถือได้ว่าเป็นนิมิตหมายอันดี ที่ประเทศไทยได้มีสิ่งดีๆเกิดขึ้นแล้ว
และก็คงพัฒนา กว้างขวางเจริญเติบโต ต่อไปยังทั่วทุกหนตำบลแห่ง
ในประเทศไทย ต่อไป

ส่วนแนวทางที่ข้าวพเจ้าวาดหวังอยากให้เป็น ก็ยังหวังว่ามันจะเป็นจริงได้สักวัน

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published.

Time limit is exhausted. Please reload CAPTCHA.